“บท “เล้ง” ถือเป็นบทที่ยากและท้าทายที่สุดในชีวิตการแสดงของผมเลยครับ นอกจากบู๊หนักแล้ว ยังมีเรื่องของอารมณ์ตัวละครที่เข้มข้นด้วย ผมจะปรึกษาพี่โอ๋-คฑาเทพ ไทยวานิช(ผู้กำกับ)ตลอดครับ พี่โอ๋จะมีมุมมองที่น่าสนใจและทำให้ผมเข้าถึงตัวละคร ส่วนเรื่องบู๊ ตัวผมก็ต้องฟิตร่างกายตลอดเวลา เพื่อให้พร้อมกับซีนบู๊ยากๆ ซึ่งมีเยอะจนบริษัทต้องทำประกันชีวิตให้ สำหรับคาแรกเตอร์ของ “เล้ง” เป็นเด็กหนุ่มชาวดำเนินสะดวก เขาเกิดในฤกษ์ดาวโจร และถูกซินแสทำนายไว้ว่าถ้าไม่เป็นพ่อค้าที่มั่งคั่ง ก็จะเป็นมหาโจรที่ยิ่งใหญ่ แต่ด้วยโชคชะตาและการตัดสินใจของเขา ทำให้เขาเลือกที่จะเข้าสู่เส้นทางโจร และต้องเผชิญกับการตามล่าของ “สันติ” นายตำรวจมือดี ซึ่งรับบทโดยพี่แท่ง-ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง เรื่องนี้ผมรู้สึกโชคดีที่ได้ร่วมงานกับนักแสดงระดับตำนานหลายท่าน ทั้ง อาตู่-นพพล, พี่ต่าย-เพ็ญพักตร์ รวมถึงพี่แท่ง…

นุช (เบเบ้ – ธันย์ชนก ฤทธินาคา) กับ เม้ง (โทนี่ รากแก่น) กำลังจะมีลูกด้วยกัน ในขณะที่ความสัมพันธ์ของเม้งกับ ต๊อด (เต๋า-เศรษฐพงศ์ เพียงพอ) ก็เริ่มลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ เม้ง จึงตัดสินใจไปขอเลิกกับต๊อด แต่ต๊อดไม่ยอม ทั้งคู่ทะเลาะกันอย่างหนัก เมื่อชีวิตต้องเลือกระหว่าง “แฟน” หรือ “เพื่อน” สุดท้ายเม้งจะหลุดจากอาการสับสนนี้อย่างไร ติดตามบทสรุปของเรื่องนี้กันได้ในตอนจบของซีรีส์ “Club Friday The Series 8…

แม้เลือกเกิดไม่ได้… แต่ก็สามารถเลือกไขว่คว้าหาสิ่งที่ดีกว่าได้ เมื่อโอกาสทองผ่านเข้ามาในชีวิตของพริตตี้สาวธรรมดา ๆ คนหนึ่ง มีหรือที่เธอจะไม่หยิบฉวยโอกาสนั้นเอาไว้ หากแต่แรงริษยาและเรื่องราวที่ฝังใจในวัยเด็กของเธอ มันเป็นแรงขับที่มากมายเกินกว่าที่ใครจะควบคุมได้ สุดท้ายจึงกลายเป็นไฟ มอดไหม้เผาใจตัวเอง

ชามินต์ (อมีนา กูล) เป็นเด็กกำพร้าและได้รับการอุปการะทุนการศึกษานักเรียนแพทย์จากตระกูลชานซึ่งเป็นหนึ่งในสิบตระกูลใหญ่แห่งเกาะฮ่องกง หลังจากเรียนจบชามินต์ก็เข้าทำงานเป็นแพทย์ในโรงพยาบาลของตระกูลชาน ทุกๆ วันหลังเลิกงาน ชามินต์จะเดินจากโรงพยาบาลเพื่อกลับแมนชั่นที่พักซึ่งอยู่ไม่ไกลนักและวันนี้ก็เป็นเช่นทุกวัน แต่มีบางสิ่งที่ไม่เหมือนเดิม … ชามินต์ได้พบกับชายหนุ่มแปลกหน้าคน นึงนอนสลบเนื้อตัวเปียกปอนอยู่ในตรอกข้างทางและเธอได้ตัดสินใจพาเขากลับไปที่แมนชั่นของเธอ เมื่อตรวจดูอาการชามินต์พบว่าตามร่างกายของเขามีรอยฟกช้ำจากการถูกทำร้ายและ เขามีอาการไข้ขึ้นสูง เธอจึงให้การดูแลจนเขาหายไข้และเมื่อฟื้นขึ้นมาจึงพบว่าเขาจำอะไรไม่ ได้เลยแม้แต่เรื่องที่เกี่ยวกับตัวเอง

ความเป็นหญิง ของซินที่พยายามปกปิดมานาน และก็รอดมาได้อย่างหวุดหวิดทุกครั้ง แต่คราวนี้ คนที่แอบรู้ตัวตนที่แท้จริงของซิน ว่าไม่ใช่กระเทย ดันเป็น อ๊อฟ คู่ขาของ ชาย พระเอกละครที่กำลังถ่ายทำร่วมกับซิน เมื่อรู้ความจริง อ๊อฟ คิดจะเปิดโปงความลับของซิน แต่เคนก็ดันมีความลับของอ๊อฟกับชายอยู่ในกำมือเช่นเดียวกัน ความลับที่อ๊อฟกำลังนัวเนียอยู่กับชายอย่างเมามันส์ กลายเป็นข้อต่อรอง ทำให้อ๊อฟต้องจำใจยอม ที่จะเก็บความลับทั้งหมดของซิน ซิน ยังคงต้องรับศึกหนักจากหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นคุณแองจี้ คุณอิทธิ และอีกหลายๆคนที่พยายามค้นหาความลับของเธอ เพราะความเด่นดังที่มาแรงจนใครๆก็อิจฉา

อรวี (หยาด-หยาดทิพย์ ราชปาล) ถูก ธาร (ฟลุค-เกริกพล มัสยวาณิช) สามีผู้แสนดีทรยศหักหลังด้วยการแอบคบชู้กับ วิชุดา (หญิง-รฐา โพธิ์งาม) พี่สาวต่างแม่ที่กลับมาแก้แค้น โดยมี สุวิภา (ต้อม-ณหทัย พิจิตรา) เพื่อนนักธุรกิจรุ่นพี่ของอรวีเป็นผู้ให้ข้อมูล แถมยังพาให้อรวีตามไปอาละวาดจับได้คาหนังคาเขา ซึ่งตอนนั้นธารก็ได้ขอหย่ากับอรวี เพราะวิชุดากำลังตั้งท้อง แต่อรวีไม่ยอมและไม่ให้วิชุดาได้อะไรไปทั้งสิ้น ธารจึงยอมออกไปแต่ตัว และขอ เอกองค์ หรือ เอก (จอส เวอาห์) และ อัจรี…

เรื่องราวของทายาทเจ้าของธุรกิจน้ำหอม มารุต (ธนภัทร กาวิละ) ที่ได้เดินทางมายัง หมู่บ้านแสงใต้ เพื่อสืบหาสาเหตุที่แท้จริง เกี่ยวกับการตายของผู้เป็นพ่อ แต่ระหว่างทางนั้นมารุตได้พบ สระแสงจันทร์ สระน้ำสีนวลลอองามราวสรวงสวรรค์ พร้อมกับ ดาว (อัญชสา มงคลสมัย) สาวสวยราวกับนางฟ้าที่นั่งทอดสะพานอยู่ใต้แสงจันทร์ ทำให้มารุตตกตะลึงในความงามราวกับโดนมนต์สะกด โดยหารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วเธอคือ…ภูตสาวที่กำลังออกล่าเหยื่อ

พ.ศ. 2486 ท่ามกลางไฟมหาสงครามเอเชียบูรพาที่กำลังปะทุ พ.ต.ท.เวทางค์ ภิรมย์รุจ สารวัตรหนุ่มแห่งกองตำรวจสอบสวนกลาง ได้รับแจ้งเหตุฆาตกรรมสะเทือนขวัญเด็กหญิงในบ้านพักย่านวัดระฆังโฆษิตาราม สภาพศพถูกทุบกะโหลกแตก แม่ของผู้ตายให้การว่าน่าจะเป็นฝีมือโจร แต่การสืบสวนเบื้องต้นกลับพบว่าเต็มไปด้วยเรื่องน่าคลางแคลง โดยเฉพาะบนหน้าผาก ข้อมือ และข้อเท้าทั้งสองข้างของผู้ตาย ปรากฏรอยสักปริศนาของคำห้าคำ เหย้า เจ้า แพะ ทิ้ง พงส์ เงื่อนงำอันเชื่อมโยงสู่คดีฆาตกรรมต่อเนื่องพิลึกพิลั่น และคำสักประหลาดทั่วพระนครและจังหวัดธนบุรี รอยแผลเป็นจากประวัติศาสตร์และความลับทางวรรณศิลป์แห่งสยามประเทศ

คุณเด่น บุษยา (อนุสรณ์ เดชะปัญญา) เศรษฐีใหญ่เมืองนนท์แต่งงานอยู่กินกับ จิตรี (สาวิตตรี สามิภักดิ์) อดีตนางงามผู้รักสวยรักงาม รักความสะดวกสบายจนติดเป็นนิสัย ทำให้ขาดคุณสมบัติของภรรยาและสะใภ้ที่ดี คุณหญิงบุษย์ (จารุวรรณ ปัญโญภาส) แม่สามี เกลียดชังจิตรีมาก จึงวางแผนกำจัดจิตรีและหาภรรยาใหม่ให้คุณเด่นคือ คุณเดือน (ปภัสรา เตชะไพบูลย์) ซึงหลอกคุณหญิงว่าลูกติดท้องของเธอ กับ นายเฉิด (ศุกล พงศทัต) สามีเก่า เป็นลูกของเธอกับคุณเด่น คุณหญิงหลงเชื่อ ประกาศว่าลูกในท้องคุณเดือนคือทายาทแท้ ๆ…

จากวันที่เธอเลิกกับแฟน เพราะถูกเขานอกใจ เธอเสียใจจนทนไม่ไหวบอกขอเลิก แล้วแยกทางจากมา ทำให้พี่สาวรับเธอเข้ามาอยู่ในบ้านด้วยความสงสาร เห็นใจว่ากำลังอกหัก กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้น ทำให้เธอแอบมีความสัมพันธ์กับพี่เขย โดยที่พี่สาวไม่รู้

เกษมราช เศรษฐีพันล้านเขาเป็นเจ้าของบริษัทธุรกิจเกี่ยวกับเอนเตอร์เทนเม้นท์ชื่อดังที่มีมูลค่าหลายล้าน แต่ถึงแม้ว่าจะมีเงินทองปรานเปรอให้กับเขามากเท่าใด ความผิดที่ฝังอยู่ในใจเขายิ่งเพิ่มทวีมากขึ้นเท่านั้น ช่างโชคร้ายที่เกษมราชป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย และรู้ตัวว่าคงจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นาน สิ่งที่เขาต้องการทำก่อนตายนั่นก็คือการตามหาครอบครัวของจักรพจน์ เพื่อนสนิทผู้ล่วงลับของเขา เนื่องจากในอดีตเกษมราชหักหลังจักรพจน์จากการทำธุรกิจที่ทั้งสองร่วมสร้างมากับมือ เกษมราชอยากจะชดใช้สิ่งที่เคยทำผิดต่อเพื่อนรักเขาจึงตามสืบหาเบาะแสของครองครัวจักรพจน์ จนรู้ว่าจักรพจน์มีลูกสาวคนเดียวชื่อน้ำหนึ่ง อาศัยอยู่กับแม่พิมพิศ โดยทั้งสองได้เปิดร้านทำผมเล็กๆเพื่อหาเลี้ยงชีพตัวเอง เกษมราชได้ไปหาทั้งสองแม่ลูกถึงที่ พิมพิศจำเกษมราชได้อย่างดี แม้ว่าเกษมราชจะพยายามขอโทษและขอให้พิมพิศยกโทษ แต่หญิงสาวก็ไม่ยอมใจอ่อน ดังนั้นเพื่อหวังว่าจะเป็นการชดเชยความผิดที่เขาได้ก่อไว้ เกษมราชจึงได้สั่งให้ทนายเทียนชัยเปลี่ยนพินัยกรรม โดยยกสมบัติครึ่งนึงให้กับพิมพิศและน้ำหนึ่ง และเมื่อเกษมราชได้เสียชีวิตลง ก้องภพลูกชายของเขาได้สั่งให้ทนายเทียนชัยเปิดพินัยกรรม แต่แล้วก็ต้องพบกับความผิดหวังและตามมาด้วยความโกรธจัดเมื่อเห็นว่าพ่อยกสมบัติกว่าครึ่งนึงให้กับคนแปลกหน้า ทั้งสองแม่ลูกที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ก้องภพจึงสั่งให้ทนายเทียนชัยเก็บความลับนี้ไว้และอย่าบอกให้ใครรู้เด็ดขาด

ม.ล.นภดารา ธิดาสาวคนเดียวของ ม.ร.ว.นภัสรพี ศิวาวงศ์ ลักลอบมีความสัมพันธ์กับชายหนุ่มต่ำศักดิ์จนตั้งครรภ์ เธอถูกนภัสรพีส่งตัวไปอยู่เชียงใหม่เพื่อให้พ้นจากเสียงครหา แต่โชคร้ายในคืนที่นภดาราคลอดลูกเกิดไฟไหม้ที่โรงพยาบาล ลูกสาวของเธอหายสาบสูญไป นภดาราล้มป่วยลงด้วยความตรอมใจตั้งแต่บัดนั้น 18 ปีต่อมา นภดาราอาการทรุดหนัก นภัสรพีสงสารลูกจึงให้ ปราบ ทนายคนสนิทไปหาเด็กหญิงกำพร้ามาอุปโลกน์เป็นลูกสาวของนภดารา โดยเธอบอกว่าได้ให้ล็อกเก็ตประจำตระกูลและแหวนเพชรรูปดาวติดตัวลูกไว้ด้วย นภัสรพีจึงสั่งทำล็อกเก็ตอันใหม่ให้ปราบนำติดตัวไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในเชียงใหม่ ปราบได้พบกับ กอหญ้า เด็กสาวที่มีทั้งล็อกเก็ตและแหวนรูปดาว คุณแม่ยุพา บอกว่าพบกอหญ้าถูกทิ้งไว้หน้าโบสถ์เมื่อ 18 ปีก่อนพร้อมของสองสิ่งนี้ ปราบจึงบอกความจริงกับกอหญ้าว่าเธอคือทายาทของตระกูลศิวาวงศ์อันมั่งคั่ง กอหญ้าเดินทางกลับไปกรุงเทพฯ พร้อมคุณแม่ยุพาและปราบ